นั่งดูอยู่หลายปี : 10 นายทวารที่รอคอยมานานแสนนานกว่าจะเป็นมือ 1

โพสต์โดย : Admin เมื่อ 2 ส.ค. 2560 05:47:48 น. เข้าชม 983 ครั้ง แจ้งลบ


ผู้รักษาประตูคือตำแหน่งที่มีอาชีพค้าแข้งได้ยาวนานที่สุดในกีฬาฟุตบอล และเช่นเดียวกันหากนายทวารคนไหนได้ตกไปอยู่ในฐานะมือ 2 เเล้วพวกเขาก็มักจะอยู่ในตำแหน่งนั้นไปอีกนานลยทีเดียว แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่อดทนจนผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากและประกาศตัวในฐานะมือ 1 ได้สำเร็จ


เเละนี่คือ 10 ผู้รักษาประตูจอมอดทนเเละไม่ยอมแพ้ จนสามารถกลับมายึดตำแหน่งมือ 1 ได้แม้อายุอานามจะไม่ใช่น้อยๆเลยก็ตาม

1.สตีฟ ฮาร์เปอร์

11 ปีเต็มๆที่เขาใช้เวลาส่วนใหญ่บนม้านั่งสำรองให้กับ นิวคาสเซิล เชื่อได้เลยว่าหากไม่รักกันจริงไม่มีนักเตะคนไหนยอมทำขนาดนี้แน่นอน

จะว่าไปแล้วหาก 2 ปีสุดท้ายก่อนค้าแข้ง ฮาร์เปอร์ ไม่ได้ย้ายไปอยู่กับ ฮัลล์ ซิตี้ เขาจะเป็นนักเตะที่อยู่กับ นิวคาสเซิล ทีมเดียวแบบไม่ย้ายทีมไปไหนเป็นระยะเวลากว่า 20 ปีเลยทีเดียว

ฮาเปอร์ คือลูกหม้อของสโมสรแห่งนี้ทว่าในช่วงดาวรุ่งเขาแทบไม่ได้ลงเล่นให้กับ นิวคาสเซิล เลยเพราะถูกปล่อยยืมให้กับหลายๆทีมอย่าง แบรดฟอร์ด, เกทเฮด, สต๊อคพอร์ท, ฮาร์ทลี่ย์ พูล และ ฮัดเดอร์ฟิลด์ ทาวน์

จนกระทั้งในปี 1998 เขาก็เริ่มมีส่วนร่วมกับ นิวคาสเซิล ขึ้นมาบ้างด้วยการได้รับมอบหมายให้เป็นมือ 2 ของทีมต่อจาก เชย์ กิฟเว่น แต่ดูเหมือนว่าบทบาทนี้จะอยู่กับเขานานเกินไปเพราะเมื่อผ่านไป 8 ฤดูกาลจนกระทะทั่งถึงปี 2005 ฮาร์เปอร์ เพิ่งได้ลงเฝ้าเสาในเกมลีกเพียง 33 เกมเท่านั้น

จนกระทั่งในปี 2006 เป็นต้นมาเขาจะได้โอกาสลงสนามมากขึ้นเนื่องจาก กิฟเว่น เองก็มีอาการบาดเจ็บอยู่บ่อยๆ และในฤดูกาล 2008-09 นิวคาสเซิล ตกชั้นสู่ลีกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ และนั่นทำให้สโมสรต้องระบายนักเตะตัวหลักออกเพื่อพยุงค่าใช้จ่าย ซึ่งกิฟเว่น เองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

การลงมาเล่นในลีกรองนั้นจึงทำให้ ฮาร์เปอร์ กลายมาเป็นมือ 1 ของทีมไปโดยปริยาย เขาลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมลีกถึง 45 นัด ก่อนจะพา สาลิกาดง คว้าแชมป์ลีกและเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้อีกครั้งในฤดูกาลต่อมา

 

2.มาร์เท่น สเตเคเลนเบิร์ก

นายทวารดีกรีทีมชาติฮอลแลนด์ชุดอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2014 มีช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีนักในการมาค้าเเข้งในพรีเมียร์ลีก

สเตเคเลนเบิร์ก คือยอดนายทวารของ อาหยักซ์ ที่ลงเล่นมากว่า 300 เกมในระยะเวลา 7 ปี ก่อนที่เขาจะเดินทางย้ายลีกมาอยู่กับ โรม่า ในปี 2011 เขาเริ่มเส้นทางใหม่ในกรุงโรมด้วยการสตาร์ทเป็นมือ 1 ของทีมทว่าหลังจากนั้นไม่นานก็หลุดไปเป็นตัวสำรองในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังและลากยาวจนมาถึงฤดูกาลต่อมา (2012-13)

เมื่อไม่ได้เป็นตัวหลักก็ไม่เหตุผลที่จะต้องอยู่ต่อ ฟูแล่ม ตัดสินใจซื้อเขามาร่วมทีทในฤดูกาล 2013-14 พร้อมหวังว่า สเตเคเลนเบิร์ก จะดำเนินรอยตาม เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ผู้รักษาประตูชาวดัตช์ที่เคยสร้างความเหนียวหนึบไว้ให้กับ ฟูแล่ม เมื่อในอดีต แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น

สเตเคเลนเบิร์ก ได้ลงสนามในช่วงแรกๆไปถึง 19 นัดแต่โชคร้ายที่ได้รับบาดเจ็บจนทำให้เขาหลุดไปเป็นตัวสำรองแบบยาวๆจนจบฤดูกาลจากนั้นก็ส่งให้ โมนาโก ยืมตัวไปใช้งาน ... ประสบการณ์กับ โมนาโก ต้องบอกว่าล้มเหลวสุดๆเมื่อเขาได้ลงสนามเป็นตัวจริงในลีกเพียงเเค่เกมเดียวเท่านั้นตลอดทั้งปี

หลังจากหมดสัญญาๆยืมตัวกับ โมนาโก เขาก็ย้ายไปอยู่กับ เซาธ์แฮมป์ตัน ในฐานะตัวเเทนของ เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ ที่ได้รับบาดเจ็บ แม้จะได้ลงเล่นอยู่บ้างแต่ยามที่ ฟอร์สเตอร์ กลับมาลงเล่นได้อีกครั้ง เขาก็ต้องกลับมาอยู่ในสภาพมือ 2 ต่อไป

ในวัย 34 ดูเหมือนเขาจะเป็นประตูหมดยุคเเล้วแท้ๆ แต่ทว่าหลังจากที่ โรนัลด์ คูมัน กุนซือคนบ้านเดียวได้รับงานคุมทีม เอฟเวอร์ตัน ในฤดูกาลนี้เขาก็ไม่รอช้าหนีบ สเตเคเลนเบิร์ก มาร่วมทีมด้วยพร้อมกันนี้นายด่านวัยดึกยังเบียดตัวจริงเป็นมือ 1 ได้สำเร็จอีกด้วย นับตั้งแต่เปิดฤดูกาลนี้มา สเตเคเลนเบิร์ก ลงเล่นให้เอฟเวอร์ตันไปแล้วถึง 15 นัด และยังเหนียวหนึบไว้ใจได้เหมือนสมัยที่ยังเป็นหนุ่ม



3.เยนส์ เลห์มันน์

ผลงานในระดับสโมสรคงต้องบอกว่านายทวารรายนี้ประสบความสำเร็จมากมาย แต่ในระดับทีมชาติเขาต้องรับมือ 2 ตลอดกาลให้กับ เยอรมัน ภายใต้ยอดนายทวารมือ 1 อย่าง โอลิเวอร์ คาห์น

เลห์มันน์ มีขวบปีที่ยอดเยี่ยมกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา ในปี 2002 ก่อนที่ย้ายไปอยู่กับ อาร์เซน่อล ในเวลาต่อมาเเละพาทีมปืนใหญ่กวาดแชมป์มากมายทั้ง พรีเมียร์ลีก และ เอฟเอ คัพ นอกจากนี้ยังพาทีมไปถึงรอบชิงชนะเลิศในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาล 2005-06 อีกด้วย

ด้านผลงานในทีมชาติแม้เจ้าตัวจะได้เฝ้าเสาให้กับทีมชาติเยอรมันครั้งแรกในปี 1998 ก็ตาม แต่ก็อย่างที่เคยได้กล่าวไว้ภายใต้ร่มเงาของนายทวารผู้ยิ่งใหญ่จาก บาเยิร์น อย่าง โอลิเวอร์ คาห์น นั้น เลห์มันน์ ไม่มีสิทธิ์จะถกเถียงอะไรมากนัก

ทว่าผลงานของ เลห์มันน์ กับอาร์เซน่อล ในฤดูกาล 2005-06 คือสิ่งที่ทำให้ เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ กุนซือของทีม อินทรีเหล็ก ต้องไขว้เขว เลห์มันน์ พาอาร์เซน่อลเข้าชิงแชมป์ถ้วยบิ๊กเอียร์นอกจากนี้ยังคว้ารางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมในปีนั้นอีกด้วย และเมื่อทัวาร์นาเม้นฟุตบอลโลก 2006 งวดเข้ามาเรื่อยๆ การขับเคี่ยวของ 2 นายทวารตัวเก๋าก็ยิ่งทวีความร้อนแรงขึ้นไม่แพ้กัน

ทั้งคู่ได้โอกาสสลับการเล่นในเกมอุ่นเครื่องก่อนเข้าทัวร์นาเม้น และท้ายสุด คลิ้นส์มันน์ ก็ยกให้ เลห์มันน์ เป็นมือ 1 ของทีม ขณะที่เจ้าตัวก็ตอบแทนความไว้วางใจของ "พี่หลาม" ได้อย่างน่าชื่นชม เลห์มันน์ พาทีมชาติเยอรมันยุคใหม่คว้าอันดับ 3 ของฟุตบอลโลกในปีนี้และตัวเขาเองก็ติดทีมยอดเยี่ยมและคว้ารางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นไปครองอีกด้วย



4.ไมค์ เทย์เลอร์

หากคุณเป็นแฟนฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในช่วงยุคปี 2000 เป็นต้นมาคงรู้จักนายทวารเสือเฒ่ารายนี้เป็นอย่างดี และเขาคือคนหนึ่งที่เพิ่งจะมาได้ดิบได้ดีตอนอายุเลยเลข 3 นี่แหละ

จะว่าไปก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจสำหรับ ไมค์ เทย์เลอร์ เพราะเขาคนนี้คือนายทวารที่เฝ้าเสาให้ ฟูแล่ม มาตั้งแต่อยู่ ดิวิชัน 2 ก่อนพาทีมขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้ในระยะเวลา 4 ปีเท่านั้นเอง

ทว่าหลังจากที่ ฟูแล่ม ขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกได้ บอร์ดบริหารก็จัดการซื้อ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ โคตรนายทวารจาก ยูเวนตุส มาร่วมทีม และนั่นก็เลี่ยงไม่ได้ที่นายด่านไร้ดีกรีอย่างเขาจะต้องถอยมาเป็นตัวสำรอง

เทย์เลอร์ ทนนั่งก้นด้านดู ฟาน เดอร์ ซาร์ เฝ้าเสาถึง 2 ปีเต็มในที่สุดเขาก็ย้ายไปอยู่กับ เบอร์มิ่งแฮม ในฤดูกาล 2003-04 และแม้จะร้างลาสนามไปนาน แต่ เทย์เลอร์ ก็ยึดมือ 1 ของทีมได้ทันที และไม่ใช่ฤดูกาลเดี่ยวเท่านั้น เขาคือมือ 1 ของทีมไปตลอดอีก 7 ฤดูกาลเลยทีเดียว

ด้วยอายุที่มากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด เทย์เลอร์ ในวัย 40 ปี ก็คว้าความสำเร็จแรกในอาชีพค้าแข้งของเขาจนได้ ในฤดูกาล 2010-11 เบอร์มิ่งแฮม ช็อคโลกด้วยการน็อคทีมยักษ์ใหญ่อย่าง อาร์เซน่อล ในรอบชิงชนะเลิศลีกคัพและคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ

ถึงแม้ในช่วงเวลานั้น เทย์เลอร์ จะไม่ได้อยู่ในฐานะมือ 1 แต่อย่างน้อยสิ่งที่เขาเคยทำในอดีตก็เป็นสิ่งที่เป็นรากฐานที่ทำให้ทีมเล็กๆทีมนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่

5.มานูเอล อัลมูเนีย

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับการแย่งมือ 1 จาก เยนส์ เลห์มันน์ แต่ในที่สุดเเล้ว มานูเอล อัลมูเนีย ก็ทำได้โดยใช้เวลาถึง 3 ปีเต็มๆ

อัลมูเนีย เริ่มต้นอาชีพด้วยการเฝ้าเสาให้กับทีมลีกสเปน เขาแทบไม่ได้เป็นนายทวารที่โดดเด่นอะไรมาก ผ่านการใช้งานโดนสโมสรเล็กมาเสมอๆไม่ว่าจะเป็น โอซาซูน่า , คาร์ตาโญโนว่า , ซาบาเดลล์ , เออิบาร์ , อูเอลบาร์ , และ อัลบาเซเต้

จนกระทั่งในฤดูกาล 2004-05 อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือของ อาร์เซน่อล ซื้อเขามาร่วมทีมด้วยค่าตัวที่เปิดเผย ก่อนเขาจะย้ายมาอยู่กับไอ้ปืนใหญ่และรับบทมือ 2 รองจาก เลห์มันน์ จอมเก๋าชาวเยอรมันที่ทำผลงานยอดเยี่ยมาโดยตลอดและพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยสุดท้ายมาครองอีกด้วย

3 ปีเต็มๆที่ อัลมูเนีย ต้องยอมนั่งสำรองด้วยความจำใจ สุดท้ายเเล้วโอกาสของเขาก็มาถึง ในฤดูกาล 2007-08 เลห์มันน์ ฟอร์มหลุดอย่างน่าใจหายและนั่นทำให้ เวนเกอร์ ตัดสินใจดัน อัลมูเนีย ขึ้นมาเป็นมือ 1 ของทีมในทันที

ฟอร์มของ อัลมูเนีย หลังจากขึ้นมาเป็นมือ 1 ของ อาร์เซน่อล ในช่วงแรกๆนั้นยอดเยี่ยมแบบสุดๆ จนมีข่าวสื่ออังกฤษเชียร์ให้เขาโอนสัญชาติมาเฝ้าเสาให้ทีมชาติอังกฤษเลยทีเดียว

3 ฤดูกาลเต็มๆกับบทบาทมือ 1 ในถิ่น เอมิเรตส์ สตเดียม แม้ว่าจะไม่มีความสำเร็จที่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่ก็ต้องยอมรับและชื่นชมนายทวารโนเนมอย่างเขาที่มาได้ไกลเกินกว่าที่ใครๆจะวาดหวังไว้


6. ดิเอโก้ โลเปซ

โลเปซ คงเป็นนายทวารไม่กี่คนในโลกที่สามารถแย่งตำแหน่งมือ 1 จาก อิเคร์ กาซิยาส ได้

หากจะไล่เรียงเรื่องราวคงต้องบอกว่า โลเปซ นั้นคือลูกหม้อของมาดริดที่ไม่ประสบความสำเร็จเมื่อครั้งอดีตก่อนจะย้ายออกไปอยู่กับอีกหลายๆทีม ... ขณะที่คนขวางทางเขาก็ไม่ใช่ใคร ก็เป็น กาซิยาส นั่นแหละที่สามารถยึดมือ 1 ของ เรอัล มาดริด ได้ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปีเลยด้วยซ้ำ

เมื่อเป็นเช่นนั้น โลเปซ ก็เลยได้มีโอกาสย้ายไปอยู่กับ บียาร์เรอัล ก่อนที่เขาจะเป็นนายทวารขวัญใจของแฟนๆเรือดำน้ำสีเหลืองในถิ่้น เอล มาดิกัล

โลเปซ ลงเล่นให้กับ บียาร์เรอัล ไปกว่า 5 ฤดูกาล ลงเฝ้าเสาไปทั้งหมด 216 นัดและหลังจากนัน้ในฤดูกาล 2012-13 เขาก็ย้ายไปอยู่กับ เซบีญ่า ในระยะเวลาสั้นๆก่อนที่ โจเซ่ มูรินโญ่ กุนซือของ มาดริด ในเวลานั้นจะซื้อตัวเขากลับมาอยู่กับทีมเก่าในฤดูกาลต่อมา

แม้จะเข้าใจดีว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะเบียดตำแหน่งมือ 1 ของ ราชัน ชุดขาว ที่มีโจทย์เก่าอย่าง กาซิยาส ขวางอยู่ แต่ โลเปซ ก็ตัดสินใจกลับมาสู้อีกครั้ง และครั้งนี้มันต่างออกไปด้วยการมีปัจจัยภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเเบบเต็มๆ

เรื่องราวภายในของมาดริดในเวลานั้นวุ่นวายพันกันอีรุงตุงนัง ขณะ กาซิยาส ก็ไม่กินเส้นกับ มูรินโญ่ และนั่นจึงเเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาหลุดตำแหน่งมือ 1 ของทีมในรอบทศวรรษเลยทีเดียว

มูรินโญ่ ตัดสินใจส่ง โลเปซ ลงเป็นมือ 1 ของทีมแทนที่ของ กาซิยาส ที่เป็นกัปตันทีมและเป็นดั่งไอค่อนของสโมสร ในฤดูกาล 2013-14 โลเปซ ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมลีกไปถึง 36 เกม และจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตามเขาได้แสดงฝีมือให้เห็นว่าหากได้โอกาสเขาก็มีดีไม่แพ้ใครเช่นกัน



7. แบรด โจนส์

ผู้รักษาประตูรายนี้รับบทมือ 2 มาแทบจะตลอดชีวิตค้าแข้ง จนกระทั่งสถานะของเขาเปลี่ยนไปในช่วงที่อายุปาเข้าไปถึง 34 ปี!

โจนส์ คือนายทวารชาว ออสเตรเลีย ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในลีกอังกฤษ เขาอยู่มากับหลายๆสโมสรในเเดนผู้ดีไม่ว่าจะเป็น มิดเดิ้ลสโบรซ์ , สต็อคพอร์ท , แบล็คพูล , เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ เรื่อยมาจนถึงทีมใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล ตลอดระยะเวลากว่า 10ฤดูกาลไม่น่าเชื่อว่าจะมีเพียงปีเดียวเท่านั้นที่ โจนส์ ได้ลงเฝ้าเสาเกิน 20 นัด โดยเกิดขึ้นในฤดูกาล 2009-10 กับ มิดเดิ้ลสโบรห์ เมื่อครั้งที่ยังอยู่ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ

ในช่วงที่อยู่กับ ลิเวอร์พูล นั้นมีครั้งหนึ่งที่เขาเคยเกือบจะแย่งมือ 1 จาก เปเป้ เรน่า ได้แล้วเเท้ๆ จากสาเหตุที่ฟอร์มของนายทวารชาวสเปนออกทะเลมากขึ้นเรื่อยๆจึงทำให้ เบรนเเดน ร็อดเจอร์ส จัดการดร็อป เรน่า และมอบโอกาสให้ โจนส์ เป็นมือ 1 ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

ทว่ายามที่ได้รับโอกาส โจนส์ เองก็โชว์ผลงานไม่ได้ต่างจาก เรน่า เลย นั่นจึงทำให้เขากลับเข้าสู่โหมดมือกาวบนม้านั่งอีกครั้งจนหมดสัญญากับลิเวอร์พูลและย้ายไปอยู่กับ แบรดฟอร์ด ในลีกวัน และ เอ็นเอซี เบรด้า ในดัตช์ลีก ในฤดูกาล 2015-16

ทั้งที่แทบจะดับไปอยู่แล้วแต่ในที่สุด โจนส์ ก็แจ้งเกิดได้อีกครั้งในเเดนกังหันลม เขาลงเป็นตัวจริงให้ เอ็นเอซี อยู่ 17 เกมก่อนที่จะผลงานเข้าตาทำให้มีโอกาสได้ย้ายไปอยู่กับทีมใหญ่อย่าง เฟเยนูร์ด ในฤดูกาลนี้และกลายเป็นมือ 1 ของทีมด้วยการลงสนามทุกๆเกมในฤดูกาล 2016-17 ก่อนพาทีมผงาดคว้าแชมป์ลีกได้อย่างยิ่งใหญ่


8.ฮันท์ ยอร์ค บุทท์

นายทวารมากประสบการณ์รายนี้คือสาเหตุที่ทำให้หลุยส์ ฟาน กัล โดนไล่ออกที่ บาเยิร์น มิวนิค

หลังจากจบฤดูกาล 2009-10 ที่ บาเยิร์น ได้เข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกกับ อินเตอร์ และแพ้ไป ทำให้ ฟาน กัล กำลังมองหาการเปลี่ยนแปลงผู้รักษาประตูมือ 1

ตอนแรกนั้น ฟาน กัล ไว้ใจโทมัส คราฟท์ นายทวารที่เป็นดาวรุ่งลูกหม้อของสโมสรให้เป็นนายทวารมือ 1 และเห็นว่าเสือเฒ่าอย่าง บุทท์ คงหมดน้ำยาเป็นที่เรียบร้อยเเล้วจึงมอบตำแหน่งมือ 2 ให้ไปครองแบบไม่เต็มใจนัก

ทว่าทางบอร์ดบริหารของ บาเยิร์น ไม่เห็นด้วย พวกเขาคิดว่า คราฟท์ ยังไม่มีศักยภาพพอที่จะเป็นมือ 1 ของทีม แต่เมื่อ ฟาน กัล ยังเป็นโค้ชสิทธิ์ขาดทั้งหมดจึงอยู่ที่จอมปรัชญาชาวดัตช์รายนี้

จนกระทั่งบาเยิร์นยิงเล่นยิ่งแย่ พวกเขามีฤดูกาลที่ผิดปกติทำแต้มหล่นหายจนเเทบหมดลุ้นแชมป์นั่นจึงเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ ฟาน กัล โดนไล่ออก แน่นอนว่าทันที่ที่พ้นอำนาจ บุทท์ ก็ก้าวขึ้นมาเป็นมือ 1 ของทีมในช่วงครึ่งฤดูกาลที่เหลือและได้ลงเล่นเป็นตัวจริงทั้งหมด 23 นัดนั่นคือสถิติ 100% ของทั้งฤดูกาลที่เหลืออยู่

ขณะที่ คราฟท์ ก็ต้องเจอสถานการณ์ที่ต่างกันออกไป เขาต้องสลับมานั่งเป็นตัวสำรองอดทนจนจบฤดูกาล และทันทีที่ตลาดซื้อขายเปิดเขาก็ย้ายไปอยู่กับ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ในทันที


9. แบรด กูซาน

กูซาน เป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่มีความอดทนสูงมาก 4 ปีแรกกับ แอสตัน วิลล่า เขาได้ลงสนามเพียง 8 เกมเท่านั้นแต่เขาก็ทำหน้าที่ในส่วนของเขาอย่างอดทนจนประสบความสำเร็จได้อย่างน่าชื่นชม

กูซาน นั้นสร้างชื่อมาตั้งแต่สมัยยังเฝ้าเสาใน เมเจอร์ลีกอเมริกากับ ชิวาส ยูเอสเอ แม้ความสำเร็จของทีมอาจจะไม่มีอะไรโดดเด่นมากนัก แต่เขาก็คว้ารางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของ เมเจอร์ลีก ในฤดูกาล 2007-2008 มาครองได้และจากนั้นเขาก็ข้ามข้ามน้ำข้ามทะเลครั้งแรกในชีวิตเพื่อมาอยู่กับทีมในพรีเมียร์ลีกอย่าง แอสตัน วิลล่า

ในถิ่น วิลล่า พาร์ค เขาต้องก้างชิ้นใหญ่อย่าง แบรด ฟรีเดล นายทวารรุ่นพี่ในทีมชาติขวางลำแบบเต็มๆ เเละเป็นเวลา 4 ปีเต็มๆที่ ฟรีเดล เป็นมือ 1 ของทีมก่อนจะหมดสัญญาและย้ายไปอยู่กับ สเปอร์ส ในฤดูกาล 2011-12 นั่นอาจทำให้ กูซาน ต้องแอบยิ้มมุมปากอยู่เล็กๆ ... ทว่าเขาคิดผิด

อเล็ก แม็คลิช กุนซือของ วิลล่า ในตอนนั้นกลับซื้อตัว เชย์ กิฟเว่น มาจากแมนฯ ซิตี้ นั่นทำให้สวรรค์ของ กูซาน ต้องพังลงไปต่อหน้าต่อตา ทว่าเขาก็ยังไม่ย้ายไปไหนและอดทนรอโอกาสที่จะแวะเวียนมาอีกครั้ง ... ครั้งนี้เร็วเกินคาดเพราะ กิฟเว่น เองไม่ได้มาในฟอร์มที่เหนียวแน่นแบบเก่าเล่นหลุดฟอร์มหลายๆครั้งจนทำให้ในที่สุดเเล้ว กูซาน ก็ถูกดันขึ้นมาเป็นมือ 1 แบบเต็มตัวในฤดูกาล 2012-13

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเป็นเวลากว่า 4 ฤดูกาล กูซาน ไม่เคยเสียตำแหน่งมือ 1 ที่เขารอคอยให้ใครอีกเลย เขาลงเล่นไปทั้งหมด 171 เกมก่อนที่ท้ายที่สุด วิลล่า จะตกชั้นในฤดูกาลที่ผ่านมาและพร้อมกับการที่เขาย้ายไปอยู่กับ มิดเดิ้ลสโบรห์ ที่สวนทางขึ้นมาเเข่งขันในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้



10. โทมัส คุสแซ็ค

ถึงกับต้องออกมาเปิดใจสำหรับ โทมัส คุสเเซ็ค อดีตนายทวารสำรองของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่เผยว่า "ผมผิดหวังจริงๆที่ต้องจบเส้นทางกับ ยูไนเต็ด แบบนี้ ผมเฝ้ารอโอกาสและหวังว่า เซอร์ อเล็กซ์ จะมอบมันให้กับผม แต่ก็นั่นแหละ...มันคือเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงมาอยู่ตรงจุดนี้" คุสแซ็ค เล่าเรื่องนี้หลังจากย้ายจากปีศาจเเดงมาอยู่กับ วัตฟอร์ด

คุสแซ็ค คือนายทวารชาว โปแลนด์ ที่แจ้งเกิดในพรีเมียร์ลีกครั้งแรกกับ เวสต์บรอมฯ ในปี 2006 ที่เขาได้ลงเล่นไปถึง 30 เกมในฤดูกาลนั้นก่อนที่ เวสต์บรอมฯ จะตกชั้น และพร้อมกันนั้นเอง ยูไนเต็ด ที่กำลังมองหาผู้รักษาประตูดาวรุ่งก็ซื้อตัวเขามาร่วมทีม

คุสเเซ็ค รับบทบาทมือ 2 สลับมือ 3 มาตลอด 6 ฤดูกาลกับ ปีศาจเเดง นั่นก็เพราะว่าการโดนขวางทางโดย เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ นั้นคืออุปสรรคที่หนักหนาเกินกว่าเขาจะรับมือได้

ความสำเร็จมากมายที่ คุสแซ็ค ได้รับกับ ยูไนเต็ด ได้แก่แชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย , ลีกคัพ 2 สมัย , ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย และ แชมป์สโมสรโลกอีกหนึ่งสมัย อย่างไรก็ตามแม้ ฟาน เดอร์ ซาร์ จะแขวนถึงมือไปแต่ คุสเเซ็ค ก็ไม่เคยได้โอการยึดมือ 1 เลยตามที่เขาเคยได้ตัดพ้อไว้ และนั่นจึงทำให้เขายอมย้ายไปอยู่กับทีมที่เล็กกว่า ไบรท์ตัน

การย้ายทีมครั้งนี้ไม่ได้อาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จมากมายเหมือนตอนที่อยู่กับ ปีศาจเเดง แต่ในเเง่ผลงานส่วนตัวเเล้ว คุสแซ็ค ได้รับตำแหน่งมือ 1 ที่เขาตั้งตารอเพราะเพียง 2 ฤดูกาลกับ ไบรท์ตัน เขาลงเฝ้าเสาไปมากถึง 90 เกม และนั่นมากกว่าช่วงระยะเวลา 6 ปีกับ แมนฯ ยูไนเต็ดเสียอีก

ปัจจุบัน คุสแซ็ค ในวัย 36 ปี ยังคงค้าแข้งอยู่กับ เบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ แน่นอนว่านับตั้งแต่เขาย้ายออกมาจากถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เขาก็กลายเป็นผู้รักษาประตูมือ 1 ให้กับทุกๆสโมสรที่เขาไปอยู่ด้วยจนถึงทุกวันนี้



ขอบคุณ Credit : https://www.fourfourtwo.com/th/features/nangduuyuuhlaaypii-10-naaythwaarthiirkhymaanaanaesnnaankwaacchaepnmuue-1?page=0%2C4