โพสต์โดย : Admin เมื่อ 17 ก.ย. 2559 09:56:01 น. เข้าชม 773 ครั้ง แจ้งลบ
ลิเวอร์พูลที่ยิงนำไปก่อน 2 ประตูตั้งแต่ช่วงครึ่งแรก บุกมาเก็บสามแต้มที่เดอะ บริดจ์ 2 ปีติดต่อกัน แม้จะโดนตีไข่แตกในครึ่งหลัง แต่ชัยชนะก็ยังเป็นของทีมเยือนอยู่ดี
ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดฟรายเดย์ไนท์ ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ‘สิงโตน้ำเงินคราม’ เชลซี เปิดบ้านรับการมาเยือนของ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล
เจ้าถิ่นของอันโตนิโอ คอนเต้ ชวดใช้งาน จอห์น เทอร์รี ที่ได้รับบาดเจ็บจากเกมเสมอสวอนซี ซิตี้ 2-2 ทำให้ดาวิด ลุยซ์ ได้รับโอกาสลงสนามแทน ที่เหลือกำลังหลักที่ลงสนามเป็นตัวจริงก่อนหน้านี้พร้อมลงสนามได้ครบครัน ทั้งธิโบต์ กูร์ตัวร์ ผู้รักษาประตู โดยมี เอ็นโกโล ก็องเต้ ประสานเกมแดนกลางคู่กับ เนมานยา มาติช แนวรุกมี วิลเลียน, ออสการ์ และ เอเด็น อาซาร์ พร้อมสร้างสรรค์เกมบุกอยู่ด้านหลัง ดิเอโก้ คอสต้า ในระบบ 4-1-4-1
ผู้มาเยือนอย่างลิเวอร์พูล ที่มีเจอร์เก้น คล็อปป์ คุมทัพ จัดตัวผู้เล่นในระบบ 4-3-3 ส่งเจมส์ มิลเนอร์ ประจำการตำแหน่งแบ็คซ้าย โดยมีเดยัน ลอฟเรน จับคู่เป็นปราการหลังตัวกลางคู่กับโจเอล มาติป กองกลางมีจอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ อดัม ลัลลานา ขับเคลื่อนเกมร่วมกัน ขณะที่แนวรุกใช้สาม ดาเนียล สเตอร์ริดจ์, ฟิลิปป์ คูตินโญ และ ซาดิโอ มาเน
เริ่มเกมมาได้เพียง 2 นาที เป็นหงส์แดงที่ได้ทักทายก่อนถึง 2 ครั้ง 2 ครา จากลูกยิงของไวจ์นัลดุม ที่ติดเซฟกูร์ตัวส์ รวมถึงจังหวะซัดของสเตอร์ริดจ์ ที่แม้กูร์ตัวส์จะรับไม่อยู่มือ ทว่ายังมีขาที่ช่วยไว้ไม่ให้เสียประตู
กระทั่งนาทีที่ 17 ลิเวอร์พูลได้ประตูออกนำไปก่อนจากจังหวะที่คูตินโญ ครอสบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายมาลุ้นในเขตโทษ สุดท้ายเป็นเดยัน ลอฟเลน กองหลังที่เติมขึ้นมายิงให้หงส์แดงขึ้นนำ 1-0
นาทีที่ 25 ทีมเยือนเกือบได้ประตูนำอีกครั้งจากสเตอร์ริดจ์ ที่ตัดสินใจอาศัยความสามารถเฉพาะตัวพาบอลจากริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจะตัดสินใจดีดบอลหวังให้บอลซุกก้นตาข่าย แต่บอลหลุดเสาออกไป จากนั้นอีก 1 นาที เจ้าถิ่นได้โอกาสลุ้นยิงประตูบ้าง จากมาติชและลุยซ์ แต่ยังไม่ผ่านแนวรับทีมเยือนทั้ง 2 จังหวะ รวมถึงในอีก 3 นาทีถัดมาจากลูกยิงไกลของก็องเต้ แต่บอลกลับเหินข้ามคานแบบไม่ได้ลุ้นอะไร
ลิเวอร์พูลที่มีโอกาสบุกแบบได้น้ำได้เนื้อมากกว่ามาได้ประตูออกนำ 2-0 ในนาทีที่ 36 จากจังหวะที่เฮนเดอร์สัน ได้โอกาสสับไกลนอกเขตโทษด้วยเท้าขวาข้างถนัดระยะกว่า 25 หลา ก่อนที่บอลจะค่อยๆลอยผ่านกูร์ตัวส์เข้าประตูไปอย่างสวยงาม และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังเป็นเจ้าถิ่นที่เริ่มเดินหน้าบุกกดดันทีมเยือนต้นแต่ช่วงต้น และมาประสบความสำเร็จในนาทีที่ 61 เมื่อ อาซาร์จ่ายบอลมาให้มาติช ได้โอกาสเปิดบอลในเขตโทษมาให้ดิเอโก้ คอสต้ายิงเข้าไปตุงตาข่าย เชลซีไล่มา 1-2
จากนั้นนาทีที่ 65 เชลซีเกือบได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ดิเอโก้ คอสต้าหาโอกาสเกี่ยวบอลลงพื้น ก่อนจะม้วนตัวหนีลอฟเรนหาจังหวะซัดประตู แต่สุดท้ายยังเบาเกินไป และไปเข้ามือมิโญเลต์ไปอย่างง่ายดาย
เข้าสู่ช่วง 10 นาทีสุดท้าย ทั้งสองทีมมีโอกาสเกมรุกใส่กันทั้งสองฝ่าย แต่โอกาสลุ้นหวาดเสียวเป็นขุนพลเดอะ ค็อปป์ที่มีมากกว่าเล็กน้อย โดยได้ลุ้น 2 จังหวะจากลูกยิงของคูตินโญ แต่บอลพุ่งแฉลบเสาออกไปก่อน รวมถึงโอกาสของโอริกี ที่ได้โขกเน้นๆ แต่กูร์ตัวส์ยังโชว์เซฟไว้ได้อย่างเหนือชั้น
นาทีที่ 88 เชลซีน่าได้ประตูตีเสมอจากจังหวะฟรีคิกหน้าเขตโทษของฟาเบรกัส หลังลูคัสเจตนาตัดฟาวล์ใส่อาซาร์ ทว่ากองกลางสแปนิชกลับซัดบอลกลับไปติดกำแพงแบบไม่ได้ลุ้นอะไร
ช่วงเวลาที่เหลือ เป็นทีมเยือนที่ลงไปตั้งเกมรับแบบเต็มตัวเพื่อหวังไม่เสียประตู ท้ายที่สึดไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มได้ หมดเวลาการแข่งขัน ลิเวอร์พูลบุกมาลูบคมเชลซีได้ถึงถิ่น 2-1 คว้า 3 คะแนนสำคัญพร้อมขยับไปรั้งอันดับ 4 ชั่วคราว ขณะที่เชลซีรั้งที่ 3 ของตาราง โดยทั้ง 2 ทีมมี 10 คะแนนเท่าเดิม แต่เป็นเชลซีที่มีผลต่างประตูได้เสียดีกว่า 1 ลูก
ที่มา: http://www.goal.com/th
