คิดถูกหรือเปล่า!!! : 8 แข้งใหญ่กว่าสโมสร (หรือคิดเองว่า ใหญ่กว่า)

โพสต์โดย : Admin เมื่อ 27 ม.ค. 2560 13:22:25 น. เข้าชม 917 ครั้ง แจ้งลบ

http://images.cdn.fourfourtwo.com/sites/fourfourtwo.com/files/styles/image_landscape/public/

เรื่องของนักเตะตัวเก่งที่เข้าใจตนว่ามีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อสโมสรเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาแต่อดีต...และนี่คือ 8 รายชื่อที่ จอน สเปอร์ลิ่ง คอลัมนิสต์ของเราบอกว่า "พวกเขาใหญ่กว่าสโมสร" (หรือพวกเขาคิดว่าตัวเองใหญ่กว่า) ซึ่งจุดจบนั้น...ส่วนใหญ่แล้วดูไม่ค่อยน่าโสภาสักคน 

1. มัลคอล์ม แมคโดนัลด์  (นิวคาสเซิล)

เคยมีข่าวว่า กอร์ดอน ลี ผู้จัดการทีม “สาลิกาดง” ในตอนนั้น ไม่เคยมองหน้ากับดาวยิงตำนานของทีมรายนี้เลย  โดยไฮไลท์อยู่ที่ตอนที่ แมคโดแนลด์  ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นว่า “ใครคือ กอร์ดอน ลี หรอ?” หลังจากที่ ลี ย้ายเข้ามาคุมทีมในปี 1975

“ผมโดนกล่าวโทษว่าเป็นตัวการที่ทีมผลงานไม่ดี” แมคโดนัลด์ กล่าวถึงเรื่องนี้ในอีกหลายปีต่อมา

 “คุณไม่ใช่มืออาชีพที่ดี หน้าที่คุณมีมากกว่ายิงประตูนะ”  ลีบอกกับ “ซุปเปอร์แม็ค” แบบนี้ในช่วงที่ยังคุมทีม


Malcolm Macdonald

โฉมหน้าของ แมคโดแนลด์

และสุดท้ายสโมสรตัดสินใจตัดเนื้อร้ายอย่าง แมคโดนัลด์  ด้วยการปล่อยตัวไปให้ อาร์เซนอล ในราคา 333,333.33 ปอนด์

“เขามีค่าไม่ถึงเงินเท่านั้นหรอก”

แม้ตัวจะจากไป แต่ ลี ก็ยังตามจิกกัดอดีตลูกทีมรายนี้ไม่เลิก…

2. เอียน ไรท์  (อาร์เซนอล)

“บรู๊ค ริออส บอกว่าผมเป็น Charlie Big Potatoes" นี่คือคำกล่าวของ ตำนานปืนใหญ่ ในวันที่ขอย้ายทีมเมื่อปี 1996

ตอนนั้น ริออส เพิ่งเข้ามาคุมทีมได้ไม่นาน และพยายามปรับสไตล์การเล่นของทีมจากตั้งรับมาเป็นจ่ายบอลสวยงาม ทว่า ไรท์ กลับรู้สึกว่า นั่นทำให้เขาได้บอลน้อยและมาถึงช้าเกินไป

เรื่องราวมาถึงจุดเดือดเมื่อ “ปืนใหญ่” ถูกเขี่ยตกรอบเอฟเอ คัพ และทั้งคู่เกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรงในห้องแต่งตัว อีกทั้ง ริออส ยังให้สัมภาษณ์ด้วยว่า ถ้าเป็นกองหน้าอย่าง จอห์น แมคกินลี่ย์ คงยิงลูกที่ ไรท์ พลาดไปเข้าอย่างแน่นอน


Bruch Rioch, Arsenal

สามคนจากซ้าย : แมคกินลี่ย์ ริออส ไรท์

แต่ด้วยความที่ตอนนั้น อดีตดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ยังเป็นดาวเด่นของทีม ทำให้ เดวิด ดีน ประธานสโมสร ตัดสินใจเลือกเก็บเขาไว้มากกว่าที่จะเป็นผู้จัดการทีมอย่าง ริออส

และนั่นก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เมื่อ ไรท์ กลายเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทีมดังแห่งกรุงลอนดอน (ก่อนถูก อองรี ทำลายสถิติในเวลาต่อมา..)

3. ปิแอร์ ฟาน ฮอยดองค์ (น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์)

“สถานการณ์อาจจะเปลี่ยนไป  และผมยอมรับมัน” ฟาน ฮอยดองค์ เผยถึงเรื่องราวเขากับ เดฟ บาสเซ็ตต์ ในอีกสิบปีหลังจากนั้น



ในปี 1997/98 อดีตดาวยิงเลือดดัตช์ ยิงให้กับ “เจ้าป่า” ไปถึง 34 ลูกและเป็นกำลังสำคัญของทีม แต่การที่ทีมขาย เควิน แคมป์เบลล์ และ โคลิน คูเปอร์ ออกไป ทำให้ ฟาน ฮอยดองค์ หัวเสียเป็นอย่างมาก

เขาจึงขอขึ้นบัญชีขายด้วยตัวเอง ทว่าถูกปฏิเสธกลับมา ทำให้ อดีตกองหน้าตัวเก่ง โกรธจัด จนหนีกลับบ้านและไม่ขอลงเล่นกับทีมอีก แต่สามเดือนต่อมา ฟาน ฮอยดองค์ ได้โอกาสลงเล่นอีกครั้ง ทว่าไม่ใช่เป็นเพราะ  บาสเซ็ตต์ ต้องการเขา แต่เพราะทีมไม่มีตัวเลือกต่างหาก

ก่อนที่เขาจะถูกขายให้กับ วิเทสส์ อาร์เน่ม ในเวลาต่อมา และไม่เคยได้รับโอกาสกลับมาเล่นในอังกฤษอีกต่อไป

4. ดีเอโก้ มาราโดน่า (นาโปลี)

ตำนานลูกหนังโลกก็เคยมีปัญหากับเขาเช่นกัน

โดย อดีตเทพเจ้าของแฟนบอลนาโปลี รายนี้เริ่มมีปัญหาพฤติกรรมไม่ดีในช่วงปลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการโดดซ้อม ที่ทำให้ มาราโดน่า โดนปรับเงินถึง 70,000 ยูโร หรือจะเป็นข่าวที่เขาเข้าไปพัวพันกับกลุ่มมาเฟียและยาเสพติดอีกด้วย

ในปี 1991  มาราโดน่า ถูกแบน 15 เดือน หลังจากตรวจพบว่าเขาติดโคเคน และในช่วงเดียวกัน เคลาดิโอ รานิเอรี่ ก็เข้ามาคุมทีม พร้อมกับให้สัมภาษณ์ว่า “ผมรักที่จะร่วมงานกับเขานะ แต่ว่า อย่างที่เรารู้กัน ไม่มีใครใหญ่ไปกว่าสโมสรหรอกนะ”

หลังจากนั้น ตำนานอาร์เจนไตน์ ย้ายไปอยู่กับ เซบีญ่า และไม่เคยเป็นคนเดิมอีกต่อไป..

5. รอดนีย์ มาร์ช (แมนฯซิตี้)

เมื่อครั้งที่ มาร์ช ย้ายมาอยู่กับ “เรือใบสีฟ้า” ด้วยค่าตัว 200,000 ปอนด์ (ในปี 1972) มัลคอล์ม อัลลิสัน กุนซือของทีมในตอนนั้นกล่าวว่า เขาเนี่ยแหละที่จะเป็นจิ๊กซอว์คนสุดท้ายที่ทำให้ทีมคว้าแชมป์ได้ในรอบหลายปี

ทว่า ทุกอย่างไม่เป็นไปตามอย่างที่ฝัน

เมื่อเพื่อนร่วมทีมหลายคนบอกว่า มาร์ช มักจะทำลายจังหวะของทีมและเล่นบอลเหมือนพวกใกล้แขวนสตั๊ด แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังได้ตำแหน่งดาวซัลโวของทีม

แต่เมื่อ อัลลิสัน จากไปในอีกปีต่อมา นั่นทำให้ชีวิตของ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

กุนซือใหม่อย่าง โทนี่ บุ๊ค ไม่ค่อยชอบเขาเท่าไร โดย มาร์ช เคยถูก บุ๊ค ถามว่า “เฮ้ย ถ้าแกคิดว่าฉันห่วยมาก เราคงทำงานด้วยกันไม่ได้ ฉันให้โอกาสแกพูดใหม่อีกครั้งนะ”

“ไม่มีวัน เพราะแกมันห่วยบรมไง”

และ มาร์ช ก็ได้จากทีมไปตามใจปราถนา…

6. เดวิด เบ็คแฮม (แมนฯยูไนเต็ด)

อย่างที่เรารู้กันว่า “เบ็คส์” คือ ซุปเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของโลกลูกหนังตลอดกาล และเรื่องราวของเขากับ “เฟอร์กี้” เมื่อปี 2003 ก็ยังติดตรึงในใจแฟนบอลปีศาจแดงทุกหมู่เหล่า

เหตุการณ์ “สตั๊ดบิน” ในเกมเอฟเอ คัพ กับ อาร์เซนอล เป็นเหตุให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กับ เบ็คแฮม เกิดการผิดใจกัน แม้ว่าทั้งสองจะรักกันดั่งพ่อลูกก็ตาม โดยในหนังสือเล่มหนึ่งของ บรมกุนซือชั้นตำนาน เคยอธิบายเหตุผลที่เขาโกรธ อดีตดาวเตะรูปหล่อ ไว้ด้วย

เฟอร์กี้ บอกว่า เขาโกรธที่ เบ็คแฮม ไม่ลงมาช่วยเกมรับ จนเป็นเหตุให้ทีมเสียประตู ทั้งยังเริ่มหมั่นไส้การใช้ชีวิตดั่งดาราของ เบ็คแฮม มากขึ้นเรื่อยๆ และเขาเชื่อว่านั่นทำให้ความมุ่งมั่นในเกมฟุตบอลของ เบ็คแฮม ลดลง

เรื่องราวหลังจากนั้นก็อย่างที่รู้กัน พี่เบ็คส์ ต้องระเห็จไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ขณะที่ เฟอร์กี้ ก็ปกครองปีศาจแดงอย่างยิ่งใหญ่อีกสิบปี

และแม้แต่ ซุปเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของโลก ก็ต้องพ่ายให้กับ ความยิ่งใหญ่ของ บรมกุนซือที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก…

image: http://images.cdn.fourfourtwo.com/sites/fourfourtwo.com/files/styles/inline-image/public/beckham_boot.jpg?itok=vDQ3eq2m

David Beckham

แผลในตำนาน

7. โทนี่ เยบัวห์ (ลีดส์ ยูไนเต็ด)

“ผมไม่คิดว่า จอร์จ เกรแฮม ชอบผมเท่าไรนะ” โทนี่ เยบัวห์ บอกเมื่อหลายปีก่อน “ผมว่า เขามองผมเป็นตัวปัญหามาตลอด”

โดยในปี 1996 เกรแฮม เข้ามาคุมทีมในถิ่น เอลแลนด์ โร้ด ซึ่งตอนนั้น เยบัวห์ เป็นดาวยิงขวัญใจแฟนๆ “ยูงทอง” อยู่แล้ว แต่ช่วงเวลาของเขากับ อดีตกุนซือชื่อดัง นั้นไม่ค่อยดีเท่าไร เมื่อ อดีตกองหน้าทีมชาติกาน่า ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามบ่อยครั้ง ไม่ก็ถูกดร็อปเป็นตัวสำรองไปเลย

จุดแตกหักของทั้งสองเกิดขึ้นในเกมกับ สเปอร์ส โดยตอนนั้น “ยูงทอง” กำลังตามทีมดังแห่งกรุงลอนดอนอยู่ 0-1 ทว่า เกรแฮม กลับเลือกเปลี่ยน อดีตดาวซัลโวบุนเดสลีก้าสองสมัย ออกจากสนาม พร้อมกับส่งกองหลังลงไปแทน

และนั่นทำให้ เยบัวห์ ฉุนขาด โดยเขาถอดเสื้อ พร้อมกับขว้างไปในทิศทางที่ เกรแฮม กำลังนั่งอยู่….

“เยบัวห์ ไม่มีสิทธิ์มาสั่งให้ผมเลือกใครลงสนาม” คือ คำประกาศิตจาก เกรแฮม

และนั่นคือ ภาพสุดท้ายของ เยบัวห์ กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด

8. จอร์โจ้ ชินาญ่า (นิวยอร์ก คอสโม)

ย้อนกลับไปเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ในสมัยที่ ซ็อคเกอร์ ยังไม่บูมในอเมริกา แต่ความพยามที่จะดึงตัว อดีตดาวดังจากทั่วโลก ไปเล่นที่ดินแดนเสรีภาพก็มากขึ้นเรื่อยๆ

และ ชินาญ่า ก็เป็นหนึ่งในนั้น

ทว่าที่จริงแล้ว เขาย้ายออกจาก อิตาลี มาสู่บ้านใหม่ก็เพราะว่า ชินาญ่า มักจะมีปัญหากับแฟนบอลคู่แข่งอยู่เสมอ เพราะ นิสัยที่ใจร้อนและเล่นอย่างโหดเหี้ยมของเขา

“ชินาญ่า มาหาพวกเราตอนช่วงปิดซีซั่นในปี 1975 และบอกว่าเขาอยากมาอยู่กับพวกเรา” ประธานสโมสร นิวยอร์ก คอสโม ในตอนนั้นกล่าว  โดยที่ก่อนหน้านี้ ชินาญ่า ได้รับฉายาว่า “นักเตะผู้ไม่ฟังใคร”

“ผมยอมรับในฉายานั้นนะ” อดีตกองหน้าชาวอิตาลีกล่าว “นั่นเพราะว่า ผมรู้มากกว่า ไอ่พวกโค้ชโง่เง่าพวกนั้นเยอะ!”


ที่น่าเหลือเชื่อ คือ ชินาญ่า อยู่ที่อเมริกา นานถึง 7 ปี พร้อมกับเล่นร่วมกับผู้เล่นในตำนานอย่าง เปเล่, คาร์ลอส อัลแบร์โต้ คาร์วัลโญ่ และ ฟร้านซ์ เบ็คเคนเบาเออร์

อดีตดาวยิงที่เริ่มต้นอาชีพ กับ สวอนซี (ทีมเดียวกับที่อยู่ในพรีเมียร์ลีกตอนนี้) ยิงไปถึง 397 ประตูตลอดชีวิตการค้าแข้ง และหลังจากเลิกเล่น ชินาญ่า กลับไปเป็นประธานสโมสรลาซิโอ ทีมรักของเขา ก่อนที่อดีตทีมอย่าง นิวยอร์ก คอสโม จะล่มสลายในปี 1986 ก่อนจะถูกรีแบรนด์กลับมาอีกครั้งเมื่อสองปีที่แล้ว

และคราวนี้ “คอสโม” ก็ตัดสินใจรีไทร์หมายเลข 9 ที่ ชินาญ่า เคยสวม เพื่อเป็นเกียรติให้กับสุดยอดตำนานของทีมตลอดไป…


ที่มา: http://www.fourfourtwo.com/th