ย้อนรอยฟุตบอลโลก : ฝรั่งเศส 1938

โพสต์โดย : Admin เมื่อ 3 มิ.ย. 2561 03:21:16 น. เข้าชม 698 ครั้ง แจ้งลบ

ก่อนทัวร์นาเมนต์ที่รัสเซียจะเริ่มต้น เรามาย้อนอดีตเวิลด์คัพที่ผ่านมากัน และนี่คือรอบสุดท้ายของเวิลด์คัพ 1938 ที่ฝรั่งเศส
อิตาลีกลายเป็นชาติแรกที่ป้องกันแชมป์ฟุตบอลโลกได้สำเร็จ ด้วยการปราบฮังการีไป 4-2 ในรอบชิงชนะเลิศของทัวร์นาเมนต์ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่สาม


สองประตูจากจีโน โคลอสซี และอีกหนึ่งประตูจากซิลวิโอ ปิโอลา ส่งให้อิตาลีเป็นฝ่ายออกนำไปก่อนถึง 3-1 ก่อนที่จะพักครึ่ง ก่อนที่ปิโอลาจะทำประตูที่สองของเขาตอนที่เหลือเวลาอีกเพียง 8 นาที ส่งผลให้ฮังการีเป็นฝ่ายแพ้ไปในที่สุดแม้ว่าจะตามยิงมาได้อีกลูกหนึ่งก็ตาม
ทัวร์นาเมนต์นี้เป็นรายการกีฬาใหญ่ๆ รายการสุดท้ายที่แข่งขันกัน ก่อนที่สงครามโลกครั้งที่สองจะเริ่มขึ้นในอีกหนึ่งปีหลังจากนั้น และความตึงเครียดทั่วยุโรปก็เริ่มปรากฏให้เห็นในช่วงนี้
ออสเตรียผ่านเข้ามาถึงรอบสุดท้ายได้สำเร็จ แต่จากการที่พวกเขาผนวกรวมเข้ากับเยอรมัน ทำให้ต้องถอนตัวออกมา ส่งผลให้เหลือทีมที่เข้าร่วมแข่งขันเพียง 15 ทีม อย่างไรก็ดี มีนักเตะของพวกเขาจำนวนหนึ่งที่ย้ายมาเล่นให้ทีมชาติเยอรมันแทน
บรรดาผู้ที่ต่อต้านฟาสซิสต์ ต่างประท้วงการสมยอมกันระหว่างเยอรมันและอิตาลี ขณะที่สเปนไม่ได้ร่วมวงแข่งขันในครั้งนี้ด้วย เพราะพวกเขามีสงครามกลางเมือง

อุรุกวัยและอาร์เจนตินา ปฏิเสธที่จะเข้าร่วม โดยรายหลังถึงขั้นมีการประท้วงอย่างเป็นทางการที่ตัดสินใจให้ทีมในยุโรปเป็นเจ้าภาพเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน
ขณะเดียวกัน คิวบา และดัตช์ อีสต์ อินดีส์ (หรืออินโดนีเซียในปัจจุบัน) ก็มีโอกาสได้ลงเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก ร่วมกับโปแลนด์ และนอร์เวย์ นอกจากนี้ ทัวร์นาเมนต์นี้ยังเป็นครั้งแรกที่เจ้าภาพและแชมป์เก่าได้รับสิทธิให้ผ่านเข้ารอบไปโดยอัตโนมัติ
การแข่งขันในปี 1938 เป็นครั้งสุดท้ายที่แข่งขันกันแบบน็อคเอาท์ทั้งหมด โดยในรอบแรกถือเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดมาก โดยยิงรวมกันไปถึง 44 ประตู
เฉพาะคู่บราซิลกับโปแลนด์ก็ยิงกันไปถึง 11 ลูกในนัดแรกของพวกเขา ซึ่งเป็นนัดที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมที่สุดนัดหนึ่งของเวิลด์คัพ

ทีมจากอเมริกาใต้ ต้องเล่นถึงช่วงต่อเวลาพิเศษก่อนจะปราบคู่แข่งของพวกเขาได้ ท่ามกลางฝนตกหนักในสตราส์บูร์ก ซึ่งต้องขอบคุณเลโอไนดัส กองหน้าวัย 24 ปีที่ทำแฮตทริคส่งผลให้แซมบ้าชนะไป 6-5
อย่างไรก็ดี เขาไม่ใช่นักเตะที่ทำประตูได้มากที่สุดในเกมนี้ เมื่อ Ernest Wilimowski กองหน้าโปแลนด์ ทำได้ถึง 4 ประตู รวมถึงประตูในนาทีที่ 89 ที่ส่งผลให้เกมต้องยืดเยื้อไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ
ผลงานในนัดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเลโอไนดัส ซึ่งผลสุดท้ายแล้วกลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดของทัวร์นาเมนต์ด้วยจำนวน 7 ประตู เขาทำประตูได้ทุกรอบจนกระทั่งพ่ายแพ้ต่ออิตาลีในรอบรองชนะเลิศ ที่ Ademar Pimenta โค้ชของบราซิล ตัดสินใจไม่ส่งเขาลงสนาม
ฮังการีเดินสู่รอบชิงชนะเลิศด้วยการทำประตูแบบถล่มทลาย พวกเขากำราบ ดัตช์ อีสต์ อินดีส์ หมดท่า 6-0 ก่อนจะชนะสวิตเซอร์แลนด์ 2-0 และผ่านรอบรองชนะเลิศด้วยการทุบสวีเดนไป 5-1
ขณะเดียวกัน คิวบาก็สร้างความประหลาดใจให้ทุกคนด้วยการปราบโรมาเนียได้ในนัดแข่งใหม่ ก่อนจะเข้าไปถูกสวีเดนทุบราบคาบ 8-0 ในรอบถัดไป
ส่วนอิตาลียังคงอยู่ภายใต้การคุมทีมของ วิตตอริโอ ปอซโซ ซึ่งนำทีมได้แชมป์เวิลด์คัพ เมื่อ 4 ปีก่อนหน้านั้น ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศด้วยการชนะนอร์เวย์, ฝรั่งเศส และบราซิล ก่อนจะคว้าแชมป์ได้สำเร็จด้วยผลงานชั้นยอดที่ปารีส